คำถามเกิดขึ้นมาโดยตลอดในใจผม ว่า ทำยังไงผมถึงจะได้เห็นมัน มันมีอยู่ที่ไหนบ้าง แต่ละที่ทำไมมันช่างไกลเหลือเกิน "เอ้ๆ แล้วมันมีอยู่ใกล้ๆบ้านเราบ้างมั๊ย??" แล้วคำตอบก็ล่วงเลยผ่านมานาน ก็ได้รับ ผมมีโอกาสไปเมืองท่าขี้เหล็ก
ที่อยู่ติดชายแดนไทยที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งมีป้ายโปดเตอร์เล็กๆ นำเที่ยวในเมืองท่าขี้เหล็ก และเืมืองใกล้เคียงอยู่มากมาย ด้วยความที่เราชอบอ่านไปเรื่อย ก็ไปสะดุดตาอยู่ป้ายหนึ่ง เป็นภาพเทือกเขาที่ปกคลุมไปห้วยหิมะขาวโพรน เหมือนกับภาพที่เราคุ้นตา กับสถานที่แนะนำท่องเที่ยวในต่างประเทศต่างๆ แต่พอผมอ่าน(อ่านไม่ออก ดูรูปเอา เป็นภาษาพม่า) และถามเพื่อนที่นั่น ก็ได้รับคำตอบว่า ที่นี่คือ เทือกเขาที่อยู่ทางเหนือของประเทศพม่านี่เอง..
ภาพ http://www.myanmar-explore.com
ยอดเขาข่ากาโบราซี (Hkakabo Razi) ตั้งอยู่บริเวณตอนเหนือของประเทศพม่าในรัฐกะฉิ่น เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งยอดข่ากาโบราซี มีความสูงถึง 5,881 เมตร บนยอดเขามีหิมะปกคลุมรวมทั้งมีธารน้ำแข็งอีกด้วย ยอดเขาข่ากาโบราซีเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัยทางด้านตะวันออก
ผู้ไต่ขึ้นถึงยอดเป็นคนแรกที่บันทึกไว้คือ ทากาชิ โอซากิ(Takashi Ozaki) ชาวญี่ปุ่น และ นูมา โจเสน(Nyima Gyaltsen) ชาวพม่า เมื่อ 15 กันยายน 1996 ใช้เวลาปีนขึ้นยอดเขา ประมาณ 30 วัน หลังจากนั้นมีผู้พยายามปีนให้ถึงยอดอีก
หลายคน แต่ก็ยังไม่สำเร็จ บริเวณโดยรอบเป็นป่าไม้อุดมไปด้วยพืชและสัตว์ที่รอการสำรวจอีกม าก รัฐบาลพม่าได้ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติข่ากาโบราซี ตั้งแต่ ตุลาคม 1998
ยอดเขา Khakaborazi นี้ก็เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในตะวันออกเฉียงใต้ อันดับสอง ภูเขาคินาบาลู สูง 4,095.2 เมตร รัฐซาบาร์ ประเทศมาเลเซีย อันดับสาม ยอดเขาฟานซีปัน (อังกฤษ: Fan si pan; เวียดนาม: Phan Xi Păng) เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในอินโดจีน ด้วยความสูง 3,143 เมตร โดยได้ฉายาว่า หลังคาแห่งอินโดจีน อยู่ในเมืองซาปา จังหวัดลาวก่าย ในประเทศเวียดนาม แฟงซีแปงอยู่บนเทือกเขา Hoang Lien ,ภูเบี้ย มีความสูงประมาณ 2,820 เมตร แขวงเชียงขวาง สปป.ลาว และดอยอินทนนท์ 2,599 เมตร
ภาพ http://www.myanmar-explore.com
ภูเขาข่ากาโปราซี เป็นชื่อเรียกที่มาจากภาษาทะรองและภาษาระวาง คำว่า "ข่ากาโป" หมายถึง แม่ไก่ที่ปกป้องลูกน้อย ซึ่งตรงกับลักษณะการทอดตัวของเทือกเขาลูกนี้ ส่วนคำว่า "ราซี" เป็นภาษาระวางแปลว่า ภูเขา เนื่องจากเทือกเขาแห่งนี้อยู่ในเขตชายแดนระหว่างรัฐคะฉิ่น ทิเบต และมลฑลหยุนหนาน ของประเทศจีน ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ รัฐบาลพม่าจึงจัดเป็น ส่วนเขตท่องเที่ยวประเภทP คือ
“สถานที่ท่องเที่ยวพิเศษซึ่งอยู่ในเขตชายแดน” เช่น ภูเขาหิมะในเมืองปูเตา รัฐคะฉิ่น หรือเขตนากาชายแดนประเทศอินเดีย และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยเรียกการท่องเที่ยวประเภทนี้ว่า "Eco-Tourism" ซึ่งจะต้องมีบริษัททัวร์จัดการขอวีซ่าพิเศษและต้องมีมัคคุเทศก์ ติดตามไปด้วย
ในรัฐคะฉิ่นมี พื้นที่ 34,379 ตารางไมล์ การปกครอง 3 อำเภอ 18 ตำบล 709 หมู่บ้าน ประกอบด้วย เมืองหลวงมิตจีนา อำเภอมิตจีนา อำเภอพะโม (บะมอ) อำเภอปูตาโอ เมืองหลวงของรัฐชื่อ มิตจินา ประชากรส่วนใหญ่เป็นคะฉิ่น มีจำนวน 1.2 ล้านคน ความหนาแน่น 34 คน/ตารางไมล์ กลุ่มชาติพันธุ์ที่เรียกตนเองว่าคะฉิ่น ประกอบด้วยชนเผ่ากลุ่มย่อยๆ ที่สำคัญ 4 กลุ่ม ได้แก่ จิงเป่า ซึ่งมีจำนวนมากที่สุด รองลงไปคือ อัตซิ ลาชิ และมารู สามกลุ่มหลังอาศัยอยู่ใกล้ชายแดนจีน และมีภาษาพูดเป็นของตนเองที่แตกต่างจากกลุ่มที่อยู่ค่อนมาทางพม่า ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในดินแดนที่เป็นภูเขาและพื้นที่เนินเขา เพาะปลูกข้าวแบบไร่หมุนเวียนประชากร ศาสนาที่นับถือ ศาสนาพุทธ 57.8% คริสต์ 36.4% ภาษาที่ใช้คือ ภาษาพม่า ภาษาจิงผ่อ ภาษาระวาง ภาษาลีซอ ภาษาละเชก
ดินแดนนี้แต่ก่อนไม่ได้เป็นของกษัตริย์พม่าองค์ใด เมื่ออังกฤษเข้าครอบครองพม่าคะฉิ่นก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในตอนนั้น แต่มาถูกบุกรุกโดยจีนช่วง ค.ศ.1945-1947 กระทั่งมีการลงนามในสัญญาชายแดนระหว่างพม่ากับจีน ค.ศ.1960 สถานการณ์ยามนั้นค่อนข้างวุ่นวาย มีกลุ่มผู้ต่อต้านรัฐบาลในคะฉิ่น Kachin Independence Organization (KIO) ที่ตั้งขึ้นเมื่อพม่าเป็นอิสระจากอังกฤษ ก่อนการลงนามในสัญญาหยุดยิงกับรัฐบาลในปี 1993 อุตสาหกรรมป่าไม้ทำให้คะฉิ่นหนีไม่พ้นภัยธรรมชาติ เกิดปัญหาป่าไม้ถูกทำลายจำนวนมาก ภัยจากดินทลายและน้ำท่วมทำให้ประชาชนเสียชีวิตนับไม่ถ้วน ยาเสพติดยิ่งเป็นปัญหาสำคัญ เยาวชนจำนวนมากติดเฮโรอีน การใช้เข็มฉีดยาร่วมกันและการค้าประเวณีก็นำเอดส์มาแพร่กระจาย ที่คร่าชีวิตผู้ คน
อีกด้านคือการสู้รบระหว่างกลุ่มเล็กๆ โดยมี KIO เป็นกลุ่มใหญ่ มีการฝึกฝนหนักและรวบรวมกันได้มากที่สุดเพื่อรบกับกองกำลังรัฐบาล ทั้งสามารถจัดตั้งระบบการศึกษาและการแพทย์อย่างเป็นอิสระ กระทั่งลงนามหยุดยิง ปัจจุบันรัฐคะฉิ่นยังคงมีการบังคับใช้แรงงานสร้างถนน สนามบิน เขื่อน และมีนักโทษการเมืองอยู่ทั่วไป ทุกวันนี้เป็นพื้นที่ภายใต้อิทธิพลกองทัพประชาธิปไตยแห่งชาติกะฉิ่น (NDA Kachin) แม้บรรยากาศการเมืองจะอึมครึม แต่ก็มีความพยายามของนักธุรกิจที่จะสร้างรีสอร์ตรองรับนักท่องเที่ยว สำนักข่าวเอเอฟพีเคยรายงานข่าวทันตแพทย์ปายโซ นักธุรกิจจากย่างกุ้งผู้ก่อตั้งสมาพันธ์เดินป่าและปีนเขาแห่งพม่า จะสร้างสกีรีสอร์ตในระดับความสูง 11,500 ฟุต ของแนวยอดเขาพนกานราสี เขารับรองว่า "การต่อสู้ส่วนใหญ่ระหว่างชนกลุ่มน้อยนั้นจบลงแล้ว" แต่รัฐบาลพม่าก็ยังไม่มีนโยบายชัดเจนเกี่ยวกับแหล่งหิมะที่มี การเดินทางจึงไม่สะดวก เว้นแต่จะเป็นนักท่องเที่ยวและนักผจญภัยในเวลาเดียวกัน อ้างอิง : น้าชาติ ประชาชาติ
ภาพ http://www.myanmar-explore.com
ชาวบ้าน ที่อาศัย หาของป่า และเป็นพรานป่า ในบริเวณเมือง เมืองปูเต
By : Anurak
ทางไปมรกตนคร ของแงซาย ในเพชรพระอุมา แน่ๆเลย
ตอบลบ